อังกฤษ v ฝรั่งเศส!พลิกสถิติใครเหนือกว่าก่อนเปิดศึกรอบแปดทีมฟุตบอลโลก

อังกฤษ v ฝรั่งเศส!พลิกสถิติใครเหนือกว่า

อังกฤษ กับ ฝรั่งเศส โคจรมาปะทะกันในฟุตบอลรายการใหญ่อีกครั้งสำหรับการทำศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบแปดทีมในวันเสาร์นี้

หากจะนับเฉพาะการต่อกรกันในสองรายการใหญ่อย่าง ฟุตบอลโลก และ ฟุตบอลยูโร สิงโตคำราม เคยดวลกับทีม ตราไก่ มาแล้วห้าครั้ง ดังนั้นเกมในสุดสัปดาห์นี้จะถือเป็นนัดที่หกสำหรับทั้งคู่

อย่างไรก็ดี แม้หลายฝ่ายจะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยทีมชาติ อังกฤษ เนื่องจาก คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ศูนย์หน้าของ แชมป์เก่า กำลังเล่นได้อย่างเข้าฝัก แต่จากการเผชิญหน้ากันห้าครั้งที่ผ่านมา สถิติฟ้องให้เห็นว่า ทรี ไลอ้อนส์ มีผลงานเหนือกว่า เลส์ เบลอส์

1.ฟุตบอลโลก 1966 เวมบลีย์ /อังกฤษ 2- ฝรั่งเศส 0

ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย สิงโตคำราม ในฐานะเจ้าภาพอาศัยความเจนสนามที่เหนือกว่าเอาชนะ ฝรั่งเศส ได้ไม่ยาก 2-0 กรุยทางเข้ารอบน็อคเอาต์ได้ในฐานะแชมป์กลุ่ม ขณะที่ เลส์ เบลอส์ ตกรอบด้วยการเป็นทีมบ๊วย

ทีมของกุนซือ เซอร์ อัลฟ์ แรมซีย์ ได้สองประตูจาก โรเจอร์ ฮันต์ ทั้งในครึ่งแรก และครึ่งหลังโดยประตูแรก slotxo ดาวยิงทีม ลิเวอร์พูล ปรี่เข้าฮอสในระยะเผาขนจากจังหวะที่ แจ็ค ชาร์ลตัน โขกลูกโยนจาก จิมมี่ กรีฟส์ ชนเสา ก่อนที่เจ้าตัวจะโขกเม็ดสองพาทีมเก็บสองแต้มได้สำเร็จ (ยุคนั้นทีมชนะได้สองแต้ม)

2.ฟุตบอลโลก 1982 บิลเบา/อังกฤษ 3- ฝรั่งเศส 1

อังกฤษ เปิดตัวได้อย่างน่าฮือฮาโดยอาศัยเวลาแค่ 27 วินาทีก็คลำเป้าได้จากลูกเอี้ยวตัววอลเลย์ระยะหกหลาของ ไบรอัน ร็อบสัน

ฝรั่งเศส ไม่เสียขวัญ และทวงคืนได้จาก เชราร์ โซเลร์ แต่เกมนี้ไม่มีใครหยุดความร้อนแรงของ ร็อบสัน ได้โดยกองกลางจอมแกร่งโขกลูกโยนยาวจาก เทรเวอร์ ฟรานซิส เข้าประตูอย่างงดงามพาทีมเมืองผู้ดีนำหน้าอีกหน

เท่านั้นไม่พอ พอล มาริเนอร์ ซัดลูกส้มหล่นได้อีกจากจังหวะที่กองหลัง ฝรั่งเศส เคลียร์บอลในเขตโทษไม่เด็ดขาด กระดอนมาเข้าทางปืนของหัวหอกทีม อิปสวิช

3.ฟุตบอลยูโร 1992 มัลโม / อังกฤษ 0- ฝรั่งเศส 0

ในเกมที่สองของรอบแบ่งกลุ่มที่ สวีเดน เป็นเจ้าภาพ สองทีมจากยุโรปเสมอกันไปแบบไม่มีสกอร์ในเกมที่ไม่มีจังหวะทำเสียวกันมากนัก

และในที่สุด ทั้งสองทีมก็กอดคอกันตกรอบโดย สิงโตคำราม เป็นทีมบ๊วยเนื่องจากสามนัดที่ลงสนาม กุนซือหัวผักกาด เกรแฮม เทย์เลอร์ ไม่อาจพาทีมคว้าชัยชนะได้เลยจากผลงานเสมอสอง แพ้หนึ่ง (เสมอ เดนมาร์ค 0-0, แพ้ สวีเดน 2-1) เช่นเดียวกับทีม ตราไก่ (เสมอ สวีเดน 1-1, แพ้ เดนมาร์ค 2-1) ซึ่งเหนือกว่า อังกฤษ เพียงแค่ประตูได้เท่านั้น

4.ฟุตบอลยูโร 2004 ลิสบอน / อังกฤษ 1 -ฝรั่งเศส 2

ทั้งสองฝ่ายจ๊ะเอ๋กันในรอบแบ่งกลุ่มอีกหน และทีมของ สเวน โกรัน อีริคส์สัน ทะยานนำไปก่อนจากลูกฟรีคิกทางกราบขวาที่ เดวิด เบ็คแฮม กัปตันทีมสาดเข้าเสาแรกให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ขวิดระยะสิบหลาผ่าน ฟาเบียง บาร์กเตซ

สิงโตคำราม ซึ่งเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมน่าจะเพิ่มสกอร์ได้จากจังหวะที่ มิกาแอล ซิลแวสตร์ ตามไปเสียบ เวย์น รูนีย์ ที่กระชากบอลเข้าเขตโทษล้มคว่ำ แต่ เบ็คแฮม สังหารลูกโทษโดน บาร์กเตซ พุ่งปัดได้

จนในที่สุด เข้าสู่ช่วงทดเวลานาทีแรก เอมิล เฮสกี้ ก็ทำฟาวล์หน้าเขตโทษ ซีเนดีน ซีดาน จึงปั่นฟรีคิกระยะ 25 หลาข้ามกำแพงเสียบมุมประตูชนิดที่ เดวิด เจมส์ ไม่ทันได้กระดิกตัว

ยิ่งไปกว่านั้น นาทีที่ 93 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตวัดบอลคืนหลังแย่โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ เธียร์รี่ อองรี จึงปรี่เข้าเก็บตกในเขตโทษ และโดน เจมส์ ถลันออกมาแหย่ขาเสียบคว่ำ กัปตัน ซิซู จึงสังหารลูกโทษไม่เหลือพาทีมของ ฌักส์ ซ็องตินี่ กำชัย 2-1 แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เข้ารอบน็อคเอาต์ได้โดย เลส์ เบลอส์ เป็นแชมป์กลุ่ม ขณะที่ โครเอเชีย กับ สวิตเซอร์แลนด์ ตกรอบ

5.ฟุตบอลยูโร 2012 โดเน็ตส์ค / อังกฤษ 1 – ฝรั่งเศส 1

ฟาบิโอ คาเปลโล่ พาทีม สิงโตคำราม เข้ารอบสุดท้ายได้ แต่ตัดสินใจลาออกก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ไม่กี่เดือนด้วยไม่พอใจที่ เอฟเอ ประกาศปลด จอห์น เทอร์รี่ ออกจากตำแหน่งกัปตันทีมโทษฐานเหยียดผิว แอนทอน เฟอร์ดินานด์ น้องชายของ ริโอ เฟอร์ดินานด์

เท่านั้นไม่พอ รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือคนใหม่ตัดสินใจไม่ใส่ชื่อ ริโอ มาร่วมทีมในทัวร์นาเมนต์นี้ด้วยเหตุผลทางด้านฟุตบอล แต่เป็นที่เชื่อกันว่าเขาไม่ต้องการให้กองหลังทีม แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในห้องแต่งตัวร่วมกับคู่กรณีของน้องชายมากกว่า

สำหรับการฟาดแข้งของทั้งสองทีมเป็นเกมในรอบแบ่งกลุ่มอีกหนโดย อังกฤษ นำไปก่อนในนาทีที่ 30 เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด สาดลูกฟรีคิกทางกราบขวาเข้าหาปากประตูโดยที่ โจลีออน เลสค็อตต์ โถมโขกตุงตาข่ายจากระยะห้าหลา

อย่างไรก็ดี ก่อนจบครึ่งแรกหกนาที ซามีร์ นาสรี่ ง้างยิงจากมุมเขตโทษด้านซ้ายผ่าน โจ ฮาร์ท เข้าเสียบเสาแรกตีเสมอให้ทีมของ โลร็องต์ บล็องก์ ได้สำเร็จ

สำหรับครึ่งหลัง เกมเป็นไปอย่างจืดชืดก่อนจะแบ่งแต้มแรกของทัวร์นาเมนต์กันไป และผ่านเข้ารอบไปทั้งคู่หลังจบสามนัดโดยทีมเมืองผู้ดีคว้าแชมป์กลุ่ม